วินัยจราจร สะท้อนวินัยชาติ ถือว่าเป็นคำขวัญที่อาจจะดูเก่าแก่แต่มันก็เป็นวลีที่สะท้อนความจริงได้อย่างหนึ่งเหมือนกัน ประเทศไทยเราต้องยอมรับกันตามตรงว่าเป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนท้องถนนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากวินัยในการขับขี่ที่ไม่ได้จริงจังมากนัก แต่อีกหนึ่งอย่างก็อาจจะเกิดขึ้นจากความไม่รู้ หรือ ลืม ไม่ได้สนใจกฎหมายจราจรสักเท่าไร เรามาทบทวนกฎหมายจราจรที่อาจจะเคยสอบตอนทำใบขับขี่แล้วลืมไปกันสักหน่อยมีอะไรบ้าง
ไฟจราจร
กฎหมายข้อแรก เราขอกลับไปทบทวนในจุดเริ่มต้นแรกของคนขับรถทุกคนรู้กันดีตามตัวหนังสือ แต่ปฏิบัติจริงกลับลืมกันไปเยอะ นั่นก็คือ ไฟจราจร เรารู้กันดีว่า ไฟจราจรมีสามสี สีเขียว หมายถึงผ่านไปได้ สีแดงหมายถึงหยุด แต่สีเหลืองนี่สิ เราเข้าใจกันว่า ไฟเหลืองคือเตรียมที่จะต้องหยุด ต้องชะลอให้พอดีกับเส้น เพื่อไม่ให้เลยข้ามไป เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุจากรถอีกทางที่พุ่งออกมาก่อนได้ แต่ความจริงพอเป็นไฟเหลือง บางคนก็เร่งให้ผ่านมันก่อนจะแดง บางคนพอเหลืองก็เร่งออกไปก่อนจะเขียว ปรากฏว่าตูม ชนกันกลางสี่แยก เสียเวลาไปอีก คงจะดีหากเราปรับแนวคิดใหม่เกี่ยวกับไฟเหลือง
อัตราความเร็ว
เรื่องต่อไปที่เราอาจจะทำผิดกันไม่รู้ตัว เป็นเรื่องอัตราความเร็วที่เดี๋ยวนี้คนขับรถกันเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ไซค์, รถยนต์ หรือแม้แต่รถบรรทุกก็ตามที แต่ว่าที่หยิบเรื่องนี้มาพูดก็เพราะว่าตอนนี้ได้มีการปรับข้อห้ามอัตราความเร็วใหม่แล้วจากสภาพรถใช้งานที่ดีมากขึ้น อัตราความเร็วใหม่ก็คือ รถบรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 2,200 กิโลกรัม หรือ รถโดยสารเกิน 15 คน สามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. สองรถจักรยานยนต์(มอเตอร์ไซค์) ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. แต่ว่าถ้าเป็นรถที่มีกำลังตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ หรือ กระบอกสูบรวม 400 cc. จะปรับเพิ่มให้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 110 กม./ชม. รถโรงเรียนใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ส่วนรถยนต์ทั่วไป (ขนาด 7 คนไม่เกิน 15 คน) ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 100 กม./ชม. สุดท้ายรถยนต์ทั่วไปขนาดไม่เกิน 7 คน ปรับเพิ่มความเร็วจากไม่เกิน 90 กม./ชม. เป็นไม่เกิน 120 กม./ชม. แต่มีเงื่อนไขว่าบนพื้นที่ปลอดภัย (ไม่ได้หมายถึงว่าในซอกซอย แถวบ้านจะกด 120 ได้นะ)
เมาแล้วขับ
กฎหมายจราจรที่ต้องบอกว่าค่อนข้างรุนแรงมาก หากเกิดอุบัติเหตุ นั่นก็คือ เมาแล้วขับ เนื่องจากการเมาแล้วขับทำให้เกิดความสูญเสียมากมาย เลยทำให้การตรากฎหมายข้อนี้จะค่อนข้างแรงเป็นพิเศษ ในกรณีที่โดนตรวจว่าเมาแล้วขับ(แต่ยังไม่ได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุ) จะต้องโดนปรับไม่เกิน 20,00 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำและปรับ ส่วนกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ สถานเบาจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท แต่ถ้าอุบัติเหตุร้ายแรง จนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหนัก จนถึงเสียชีวิต โทษจะหนักขึ้นเป็นจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000 -200,000 บาทเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือ เมาไม่ขับ จะดีกว่า
การรัดเข็มขัดนิรภัย
อีกหนึ่งกฎหมายที่ออกมาเพื่อปรับพฤติกรรมของคนขับขี่ คนนั่งรถ ก็คือการรัดเข็มขัดนิรภัย ทุกครั้งที่ขับรถ ทุกคนจะต้องรัดเข็มขัดนิรภัยด้วย ไม่ว่าจะนั่งข้างหน้าหรือข้างหลังก็ตามที กฎหมายกำหนดโทษเอาไว้ว่า ปรับไม่เกิน 500 บาท สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป แต่ถ้าเป็นรถตู้ รถทัวร์ รถบรรทุก ปรับไม่เกิน 5,000 บาท ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยนั่งแล้วก็รัดเข็มขัดกันดีกว่า