การเอาตัวรอดเมื่อรถจมน้ำหลังเกิดอุบัติเหตุ

‘ อุบัติเหตุ ’ เป็นเรื่องที่ไม่ใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ในการเกิดอุบัติเหตุขึ้นแต่ล่ะครั้งจึงส่งผลให้เกิดความสูญเสียเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นการเตรียมความพร้อม ศึกษาความรู้รอบตัว ก็ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ จนกระทั่งเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ฉุกเฉินนั้นได้ วันนี้เราจึงขอนำเสนอเคล็ดลับในการเอาตัวรอดเมื่อรถยนต์จมน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าหากผู้ประสบเหตุไม่มีสติในการพาตัวเองออกมา

 

เอาตัวรอดรถตกน้ำ

และอุบัติเหตุรถยนต์จมน้ำนี้ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในประเทศไทยของเรา สร้างความหดหู่แก่อยู่เสมอๆ อย่างเหตุการณ์ ที่มีคนขับรถกระบะฝ่าน้ำท่วม แต่แรงน้ำอันมหาศาลผลักรถตกคลอง จนกระทั่งผู้ขับจมน้ำเสียชีวิตในรถ ก็สร้างความสะเทือนขวัญในสังคมวงกว้างอยู่ไม่น้อย

หลายๆคนคงเกิดความสงสัยว่า แล้วทำไมคนขับจึงไม่หนีออกมา โดยหลักวิทยาศาสตร์ตอบข้อสงสัยนี้ว่า เมื่อรถตกลงไปในน้ำ ก็จะเกิดแรงดันอันมหาศาลจากภายนอก แรงของมนุษย์ไม่อาจสู้ได้ จึงทำให้ประตูเปิดออกยาก โดยทางต่างประเทศก็ได้มีการทดลองและทดสอบ จึงพบว่าเมื่อรถตกลงคลองหรือจมน้ำ ก็จะมีเวลาประมาณ 1-2 นาที ก่อนที่รถจะค่อยๆจมลงไปทั้งคัน จนกระทั่งไม่มีอากาศเหลือ ซึ่งถือได้ว่ามีเวลาน้อยมากในการเอาชีวิตรอด แต่ถึงจะน้อยขนาดไหนแต่มันก็ยังมีแสงสว่างได้ออกไปเจอคนที่เรารักอยู่ เท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว

ขั้นตอนและวิธีที่ถูกต้องในการเอาตัวรอดเมื่อรถจมน้ำ

  • ตั้งสติให้ดีที่สุด หายเข้า – ออกลึกๆ ถ้าลนลาน เปอร์เซ็นต์การรอดจะน้อยลงไปอีก
  • ปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกก่อน ค่อยดูแลคนอื่น
  • เปิดกระจกลงให้เร็วที่สุด ถ้าเป็นกระจกแบบหมุนในรถรุ่นเก่าก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่รถส่วนใหญ่ ณ ปัจจุบันนี้เป็นกระจกไฟฟ้า ซึ่งเมื่อรถจมน้ำระบบไฟฟ้าจะยังคงทำงานต่อได้อีก 5 นาที
  • ถ้าเปิดกระจกไม่ได้จริงๆ เรามีเคล็ดลับที่จะทำให้กระจกแตกง่ายๆ ด้วยจากใช้เหล็กจากพิงศีรษะ เมื่อถอดออกมาแล้ว ให้นำมากระแทกที่ร่องกระจก ตอกแรงๆ 1 นิ้ว แล้วงัดเข้าหาตัวแรงๆ กระจกก็จะแตก
  • จากการทดลองพบว่า ถึงแม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็สามารถทำให้กระจกแตกได้อย่างง่ายดาย
  • เมื่อเปิดกระจกแตกแล้ว ถ้ามากับครอบครัวให้ช่วยเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุออกก่อน

ปัญหาใหญ่ของรถตกน้ำคือเรื่องการเปิดกระจกเพื่อหาทางออก ส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตจะจมน้ำตายคารถเพราะหาทางออกไม่ได้ ถ้าคุณเปิดกกระจกได้ให้ค่อยๆลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ อย่าลืมว่าต้องมี ‘สติ’ ตลอดเวลา